รีวิวเว้ย (1900) แนวคิดที่ว่ามนุษย์ต้องทำอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เพื่อทิ้งร่องรอยไว้ในโลกนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นแนวคิดที่ฝังรากอยู่ในสังคมมานานหลายศตวรรษ แนวคิดนี้ได้สร้างแรงผลักดันมหาศาลที่ทำให้ผู้คนพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อสร้างชื่อเสียงและทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนทั่วโลก ความกดดันทางสังคมและการแสวงหาตัวตน ในสังคมยุคหนึ่ง การเป็นคนธรรมดาที่ไม่เป็นที่รู้จักถือเป็นเรื่องน่าอับอาย แนวคิดนี้ผลักดันให้ผู้คนต้อง “กล้า” และ “ออกไปใช้ชีวิต” เพื่อสร้างความสำเร็จที่โดดเด่น การอยู่นิ่งเฉยหรือใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกลายเป็นสิ่งที่ขัดกับค่านิยมหลักของสังคม ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกว่าตนเองกำลัง “ตกขบวน” และต้องเร่งรีบทำอะไรสักอย่างเพื่อพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง
ยุคสมัยแห่งการสร้างแรงบันดาลใจ ในช่วงเวลานั้นเองที่สังคมเริ่มยกย่องบุคคลต้นแบบจากหลากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบสิ่งสำคัญ หรือศิลปินที่สร้างผลงานระดับโลก บุคคลเหล่านี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วไปอยากทำตามเรื่องราวความสำเร็จของพวกเขาถูกเล่าขานผ่านสื่อต่างๆ และกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการปลูกฝังค่านิยมที่ว่าทุกคนต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เพื่อสังคม ผลกระทบเชิงลึกต่อสังคม ค่านิยมที่เน้นการสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนอย่างลึกซึ้ง มันสร้างความกดดันให้คนรุ่นใหม่ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อหาทาง “แตกต่าง” และ “โดดเด่น” ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้ผู้คนรู้สึกไร้ค่าหากไม่สามารถทำตามมาตรฐานที่สังคมกำหนดไว้ได้ ซึ่งนำไปสู่คำถามที่ว่า: การเป็นคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนั้น ไม่ใช่ความสำเร็จที่แท้จริงหรือ ?
หนังสือ : คิดมากไปทำไมขนาดพระพุทธเจ้ายังเคยทำพลาดเลย
โดย : ภาณุพันธ์ ปัญญาใจ แปล
จำนวน : 220 หน้า
.
"คิดมากไปทำไมขนาดพระพุทธเจ้ายังเคยทำพลาดเลย" หนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของบุคคลในประวัติศาสตร์ อย่าง เจงกิสข่าน พระเยซู ขงจื่อ มหาตมะ คานธี ผู้พันแซนเดอร์ส แอนน์ ซัลลิแวน บูเช็กเทียน อริสโตเติล และ สิทธัตถะ โคตมะ ว่าก่อนที่คนเหล่านี้จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่และเป็นที่จดจำของโลกนั้นพวกเขาเคยเป็นอะไรบางอย่างมาก่อน หรือบางคนก็กลายเป็นคนสำคัญของโลกแล้วแต่ก็ยังมีความผิดพลาดในแบบของคนปกติทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นได้ ที่คนทุกคนต่างมีทั้งด้านดีและด้านที่หลายคนยากจะทนรับได้
.
"คิดมากไปทำไมขนาดพระพุทธเจ้ายังเคยทำพลาดเลย" มุ่งนำเสนอมุมมองที่แตกต่างออกไป ในเรื่องราวของผู้คนต่าง ๆ ที่ถูกกล่าวถึงในหนังสือ ว่าคนทุกคนต่างมีด้านมุมที่เราต่างคาดไม่ถึง สำหรับเนื้อหาของ "คิดมากไปทำไมขนาดพระพุทธเจ้ายังเคยทำพลาดเลย" แบ่งการเล่าเรื่องออกเป็นบทต่าง ๆ ดังนี้
.
บทนำ จงตั้งคำถามกับ "ความปกติ" ของตัวเอง
.
บทที่ 1 แม้แต่ซุปเปอร์สตาร์ก็เคยเป็นคนธรรมดามาก่อน
.
บทที่ 2 ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ 100 เปอร์เซ็นต์
.
บทที่ 3 ความรุ่งโรจน์ที่มาเยือนเมื่อบั้นปลายชีวิต
.
บทที่ 4 ใครกันแน่ที่สร้างปาฏิหาริย์
.
บทที่ 5 ไม่มีใครรู้ว่าอีกพันปีให้หลังจะเกิดอะไรขึ้น
.
บทที่ 6 "ความปกติ" ของเราไม่ปกติ
.
บทที่ 7 คำตอบของปัญหาพบได้ในวรรณกรรมคลาสสิค
.
บทส่งท้าย ตอนนี้แหละที่ต้องเรียนรู้เข้าไว้
.
"คิดมากไปทำไมขนาดพระพุทธเจ้ายังเคยทำพลาดเลย" ทำให้ผู้อ่านได้เห็นถึงความปกติสามัญของชีวิต ที่หลายครั้งความปกติของเราก็เป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว และความปกติของเราไม่จำเป็นต้องเป็นเดือดเป็นร้อนกับชีวิตของผู้อื่น เพราะอย่างไรเสียขนาด "พระพุทธเจ้ายังเคยทำพลาดเลย"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in