เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Self-study CornerLady Minjee
IELTS Survival Guide: คัมภีร์ไอเอลฉบับคนขี้เหนียว
  • สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่ Vlog แรกของเราค่า สำหรับ vlog นี้เราตั้งใจเขียนขึ้นเพื่อมาแชร์เทคนิคการเตรียมตัวอ่าน IELTS "Academic Module" อย่างละเอียด เพื่อเป็น guideline ให้กับคนที่มีแพลนจะสอบแต่ไม่รู้ต้องเริ่มตรงไหน หรืออยากจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาเสริมความมั่นใจจากที่ตัวเองเรียนมาแล้ว

    ก่อนจะเข้าเรื่อง ขอเกริ่นก่อนว่าตัวผู้เขียนเองไม่ได้มีประสบการณ์การสอบ IELTS ที่โชกโชนอะไร หรือเป็น expert ในด้านนี้นะคะ เราเองก็เพิ่งเคยสอบเป็นครั้งแรกเหมือนกันค่ะ แต่ว่าเราเข้าใจความยากลำบากของการ self-study ดีว่ามันท้อแค่ไหน เพราะฉะนั้นก็เลยอยากจะส่งต่อความลำบาก (?) เอ้ย 😂 แบ่งเบาความเหนื่อยยากของทุกคน ด้วยการถ่ายทอดแหล่งข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราคิดว่าช่วยประหยัดเวลาได้เยอะแน่ ๆ ถ้าเรารู้แต่แรก ยังไงก็หวังว่าสิ่งที่เรารวบรวมมาตรงนี้จะเป็นแรงผลักดันให้เพื่อนร่วมเดินทางทุกท่าน ได้ไปถึงเป้าหมายที่ตัวเองวางไว้นะคะ 

    ด้วยความที่มีหลายเรื่องอยากจะแบ่งปันมาก ๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะตัว resources หรือ websites ทำข้อสอบ เราเลยแยกออกมาเป็น 3 พาร์ท ให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้นค่ะ ใครสนใจส่วนไหนเป็นพิเศษ ก็เลือกอ่านเฉพาะส่วนนั้นได้ค่ะ แต่ถ้าพอจะสละเวลาอีกซักนิ้ด... อ่านให้จบก็จะดีใจมากเลยค่ะ 🙆‍♀️

    👉🏻 Part 1: What the IELTS Test Looks Like
    👉🏻 Part 2: Best Resources for Each Skill
    👉🏻 Part 3: Tips, Tricks & Predictions


    Cover credit: rawenclaw_magic (IG) 
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

    Part 1: What the IELTS Test Looks Like 

    แต่ก่อนอื่นเลย สำหรับคนที่ยังไม่เคยสอบ IELTS มาก่อน และเพิ่งมาตั้งต้นที่นี่ ขอให้อย่าลืมไปศึกษา format ของข้อสอบทั้ง 4 skills ก่อนนะคะ ว่าทั้ง Listening, Reading, Writing, and Speaking แบ่งย่อยอีกเป็นกี่พาร์ท แล้วแต่ละพาร์ทมี Question types กี่แบบ และมีเวลาทำข้อสอบมากน้อยแค่ไหน ข้างล่างนี่เป็นคลิป introduction ที่เราคิดว่าครอบคลุมแล้ว นอกจากเขาจะบอก Question types ชัดเจนแล้ว ยังให้เราลองทำนิด ๆ หน่อย ๆ เป็นน้ำจิ้มด้วย สำหรับใครที่ไม่มีเวลามาก ฟังแบบรวมทุกพาร์ทก็ได้ค่า แต่ถ้ามีเวลา ฟังแยกแต่ละพาร์ทก็จะรู้เยอะขึ้นคับ


    📍 Each skill
         ❇︎ Writing: 




    Part 2:  Best Resources for Each Skill

    เริ่มแรกเลย เชื่อว่าหลายคนที่เข้าวงการนี้ จะต้องอึ้งกิมกี่กับข้อมูลมหาศาลที่มีให้เลือกอ่าน/ดูเยอะแยะไปหมด ลำพังแค่ Online websites ที่คนเขาแนะนำกัน เช่น Liz ielts, ielts advantage, และ E2 ielts ก็มีเยอะจนปวดลูกกะตาแล้ว นี่ยังไม่นับ Youtube videos ที่เขาทำแยกกันออกมาอีก

    เราเป็นคนนึงที่ชอบจับปลาหลายมือมาก เน้นตามไปอ่านที่คนเขาแนะนำจากในทวิต แล้วก็พยายามเก็บให้ครบ จะได้รู้ลึกเหมือนสบายใจขึ้น แต่เอาจริง ๆ อยากบอกว่าวิธีนี้ไม่แนะนำ เพราะนอกจากจะเสียเวลาแล้วยังทำให้ overwhelmed ได้ง่ายมากค่ะ เพราะถึงเราจะรู้รอบและได้หลายมุมเกี่ยวกับตัวข้อสอบก็จริง แต่ว่า tutor หรือ ex-examinee แต่ละคนก็จะมีเทคนิค กับ pattern การตอบข้อสอบที่ต่างกันไปในรายละเอียดค่ะ พอเราซึมซับของทุกคนแล้วมาสรุปเอง กลายเป็นข้อมูลตีกันในหัว ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี แล้วสุดท้ายก็ต้องมานั่งเทียบนั่งสรุปเองอยู่ดี ว่าของใครที่แนะนำเหมือนกันแล้วน่าจะยึดเป็นหลักตรงกลางได้ เรียกว่าหัวร้อนพอสมควรกว่าจะได้ข้อสรุป

    ดังนั้น เราเลยอยากใช้พื้นที่ตรงนี้นำเสนอแหล่งที่เราใช้จดเทคนิคของตัวเองค่ะ ในพาร์ทนี้เราจะขอลงเป็นต้นคลิปในแต่ละ skill ก่อน เพื่อให้ทุกคนพอรู้เทคนิค และสกัดออกมาเป็น idea ของตัวเองนะคะ 

    ที่ยังไม่ลงของตัวเองเพียว ๆ เพราะไม่อยากเคลมว่าของเราจะเอาไปใช้ได้กับทุกคนค่ะ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลองทำความเข้าใจด้วยตัวเองก่อน แล้วค่อยเอามาเทียบกับของเราในพาร์ทถัดไปนะคะ จะได้ฟีลเหมือนแลกเปลี่ยนความรู้กันค่ะ 

    ✯ ปล. อาจจะไม่ได้ลงครบทุกคลิปนะคะ ขอเน้นอันสำคัญ ๆ  แล้วให้ทุกคนไปขุดต่อตาม channel หรือ source ที่เราแปะไว้แทนค่ะ


    🎧 Listening

    เปิดมาแหล่งเรียนรู้แรกของเราคือ YT Channel IELTS Advantage ค่ะ เชื่อว่าคนในวงการนี้หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อ ซึ่งก็ดีสมคำร่ำลือจริง ๆ ค่ะ สำหรับคุณพี่ Christ เรายกให้เป็นหนึ่งในคนที่อธิบาย IELTS ได้เข้าใจง่าย ละเอียดและตรงประเด็นมาก สำเนียงก็ฟังแล้วสบายหู ไม่เร็วเกินไป และให้ lesson ที่ straightforward และ practical เหมาะกับคนที่อยากได้เทคนิคแบบค่อยเป็นค่อยไป ทีละ step ค่ะ

    ถ้าใครขี้เกียจมากจริง ๆ แบบไม่อยากฟังที่อื่นแล้ว แนะนำให้ลองซื้อคอร์สของเขาเป็น VIP 3.0  (Link ด้านล่าง) เราเคยซื้อคอร์สเน้น writing ไปช่วงลดราคา (จะได้ทุก skill ยกเว้น speaking ตกประมาณพันกว่าบาท) จะบอกว่าเขาจะแยกสอนเรียงลำดับไปทีละคลิปแบบดีมาก แล้วมี emotional guide ให้ด้วยว่าควรวางจิตวางใจยังไงก่อนสอบ แล้วท้ายคลิปก็จะมีแบบทดสอบวัดความเข้าใจให้ด้วย ส่วนตัวเรายึดทริค Do & Don't ของเขาเป็นหลัก คือรู้สึกว่าคุ้มที่สุดในบรรดาทุกช่องที่ตามมาแล้ว 

    แต่ถ้าใครที่ไม่อยาก (อาจจะด้วยราคา---ซึ่งถ้าไม่ลดเราก็คงไม่ซื้อ😅) ก็หาคลิปฟรีใน channel เขาได้ค่ะ  

    อ้อ อีกอย่างนึงคือ ถึงทุกคลิปพี่เขาจะชอบเขียนพาดหัว Band 9 ยังกะเหมือนให้มหาเทพมาส่องเท่านั้น แต่จริง ๆ เนื้อหาในคลิปก็เป็นเทคนิคพื้นบ้านที่คนเดินดิน (หวังแค่ผ่าน 6.5) อย่างเราเก็บไปใช้ได้ค่ะ ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เพราะฉะนั้นลองเปิดใจดูนะคะ 

    [Link to VIP 3.0 Course: https://www.ieltsadvantage.com/vip2-discount/?utm_source=youtube&utm_medium=organic&utm_campaign=the_only_ielts_reading_strategy_you_need_in_2025&utm_content=yt_video_description&utm_term=6092024]

    มาต่อกันที่ช่อง Lilie IELTS เรามาเจอเขาโดยบังเอิญค่ะ แต่ก็เป็นอีกช่องที่ช่วยได้มากเลยตอนทำข้อสอบ 

    สำหรับเจ๊คนนี้ เขาจะสอนแต่เทคนิค ไม่มี Do&Don't หรือ Common mistakes เหมือนกับคลิปของคุณคนก่อน จะเน้นบอกวิธีที่ใช้ทำในข้อสอบไปเลย แล้วก็ตอนท้ายจะแถมวิธีพัฒนาทักษะ listening ให้ด้วย ว่าควรฟัง podcasts บ่อย ๆ นะอะไรแบบนี้ ส่วนตัวคิดว่าเอาไปใช้ได้ดีเลยค่ะ (แม้ว่าเราจะขี้เกียจฟัง podcasts ตามแบบคุณพี่เขาก็ตาม 555+) 


    📖 Reading 

    สำหรับ Reading เราคลิกกับช่อง E2 IELTS ที่สุดค่ะ เขาจะแยกเทคนิคที่ควรใช้กับคำถามแต่ละรูปแบบออกมา แล้วก็ในคลิปที่ 2 เขาจะให้เราลองทำข้อสอบไปพร้อมเขาด้วย อันนี้เป็นจุดที่เราจะได้รู้ตัวเองค่ะว่าถนัด/ไม่ถนัด Question types ไหน แล้วจะได้ไปหาข้อสอบที่เจาะจงรูปแบบคำถามนั้นทำซ้ำ ๆ จนกว่าจะคะแนนดีขึ้น นอกจากคลิปรวมก็ยังมีแยกไปใน Q.types ที่คนชอบผิดกัน เช่น T/F/NG, Multiple choice อะไรแบบนี้ด้วย โดยรวมเลยจบที่ช่องนี้ค่ะ



    แต่ ๆ ๆ ถ้าใครที่ follow คลิปด้านบนแล้วทำคำถามทั้ง 3 part เกิน 60 นาที ให้มาต่อที่เจ๊คนนี้ค่ะ คงคอนเซปเดิมคือไม่เน้นสอนลงเนื้อหา (มีแต่อยู่ในคลิปอื่น) แต่เน้นว่าทำยังไงให้ทำพาร์ทอ่านให้ได้เร็วและทันเวลาค่ะ ซึ่งนั่นก็คือการทำ "พร้อม ๆ กัน" ในทุก Sub questions อันนี้เราแอบคิดว่าควรจะชินกับ Q.types มาแล้วระดับนึงและ build speed การอ่านได้พอสมควร ถึงจะลองทำแบบเจ๊เขาได้ แต่ทั้งนี้แล้วแต่ความถนัดและความชอบส่วนตัวค่ะ


    🖌️ Writing 

    เกริ่นก่อนว่าทั้ง Writing กับ Speaking เป็นอะไรที่อาศัย Output หรือดึงข้อมูลออกมาเยอะมากค่ะ การจำเทคนิคจะต่างกับสองพาร์ทบนค่อนข้างเยอะ อย่าง Writing Task 2 ที่เป็นเขียน Essay ก็จะต้องโฟกัสทั้งในเรื่อง 1) topics ที่จะมีรวมกันได้ถึง 20 ประเภท และ 2) รูปแบบของคำถามใน essay 5 ประเภท 

    ดังนั้นสำหรับเรา การฝึกฝนพาร์ทนี้มันจะไม่ใช่ step แบบเดียวกับ 2 skills แรก (จำ Technique > ฝึกทำข้อสอบ > จดข้อผิดพลาด > ทบทวนแล้วทำข้อสอบใหม่) แต่มันเป็นลักษณะประมาณนี้ค่ะ 👇🏻👇🏻👇🏻

    1) เข้าใจประเภทข้อสอบ requirement / word count / หัวข้อต่าง ๆ ที่จะเจอ (ลองดูในเว็บด้านล่างนี้ค่ะ)

         📍ในส่วนนี้จะรวมไปถึงต้องรู้ด้วยว่าพาร์ทเขียนเขาคาดหวังให้เรา paraphrase คำถามให้ได้ในส่วน Introduction และการใช้คำซ้ำ (Synonym) ทั้ง report / essay ไม่ควรเกิน 3-4 ครั้ง ยกเว้นจะเป็นคำที่ไม่สามารถหาคำอื่นมาแทนได้จริง ๆ (Dead word) โดยในส่วนของการใช้ Grammar ถ้าอยากได้ band สูงหน่อย ต้องใช้แต่ Complex Sentence และ Complex-Compound Sentence เท่านั้น ประมาณนี้ค่ะ (ไม่ต้องห่วงนะคะ รายละเอียดปลีกย่อยตรงนี้ จะสรุปไว้ให้ในหน้าถัดไปค่ะ)

    👉🏻 https://ieltsliz.com/ielts-writing-task-1-lessons-and-tips/

    👉🏻 https://ieltsliz.com/ielts-writing-task-2/

    2) เข้าไปศึกษาตัวอย่าง Report / Essay Band 8-9 เพื่อดึง structure และหาประโยคสวย ๆ ในการขึ้นต้นแต่ละ Essay type ออกมา 

         📍ย้ำนะคะว่าจะต้องรู้ structure ในการเขียนแต่ละ essay type จริง ๆ ยกเว้นสำหรับคนที่ beyond แล้ว อาจไม่จำเป็นต้องพึ่งก็ได้ค่ะ แต่เท่าที่เราอ่านมา essay samples band สูง ๆ ของทุกเว็บก็ล้วนแล้วแต่มี pattern ที่ชัดเจนค่ะ มีโครงย่อมทำให้เราจัดเรียงข้อมูลที่จะเขียนได้ง่ายขึ้น และทำให้คำตอบไม่หลงประเด็นด้วยค่ะ ฉะนั้นย้ำอีกทีว่า step นี้ข้ามไม่ได้นะคะ และสำหรับเรา เว็บพี่คริสดีที่สุดในแง่การให้ phrase ขึ้นต้นพารากราฟค่ะ ถ้าเป็นไปได้ อยากให้เข้าไปอ่านให้ครบทุกตัวอย่างเลยค่ะ

         📍ถ้าลองไล่ดู จะรู้ค่ะว่าทุก Essay เขามี Writing Structure เหมือนกันค่ะ หรือจะดูสรุปในคลิปพวกนี้ก็ได้ค่ะ 

    👉🏻 https://youtu.be/yvt8RzGNhBc?si=4PhCZLDjGk5npHFS

    👉🏻 https://youtu.be/_EKODdnjUK0?si=ZMhPgE99UhMfnWkQ

    Essay / Report Samples

    👉🏻 https://www.ieltsadvantage.com/writing-task-1/

    👉🏻 https://www.ieltsadvantage.com/2023/01/15/ielts-writing-task-2-sample-essays/

    3) ลองออก idea ว่าถ้าเป็นเราเจอคำถามนี้จะตอบยังไง ลองร่างคำตอบของตัวเองออกมาดูก่อน (จะเป็นไทย-อิ๊งก็ได้) 

    ตัวอย่าง Task 1

    ตัวอย่าง Task 2

    4) เทียบกับตัวอย่าง Report / Essay band 9 แล้วแยกส่วนวิเคราะห์ 

         📍ในการวิเคราะห์อาจดูเรื่องของ 1)  De-structure หา PEE ของเขาใน Body  2) Linking words 3) Grammar structure และ 4) Useful Vocab and Phrases เพื่อหาศัพท์และข้อความสำเร็จรูปมาใช้กับของเราค่ะ แต่ข้อควรระวังเวลา copy คือ อย่าก๊อปศัพท์หรือประโยคที่คิดว่ายากเกินระดับของตัวเองเกินไปนะคะ ถ้าลองเอามาใช้แล้วมัน beyond เกินกว่าภาษาของเรา อาจจะทำให้ทั้งประโยคไม่ธรรมชาติ แล้วคนตรวจจะดูออกว่าเราลอกมาทื่อ ๆ โดนหักคะแนนได้ค่ะ 

         📍นอกจาก Essay samples ของ IELTS Advantage ที่เราแปะไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้ว แหล่งที่คิดว่าน่าเชื่อถืออีกก็จะมีประมาณนี้ค่ะ (หน้าเพจที่เราแปะหลัก ๆ เป็น task 2 แต่ Task 1 ก็อยู่ในเว็บเดียวกันค่ะ) 


    👉🏻 https://howtodoielts.com/recent-ielts-writing-topics-2022/#google_vignette  

    👉🏻 https://engnovate.com/blog/  (เข้าไปที่ IELTS Band 9 Samples) 

    👉🏻 https://ieltsliz.com/ielts-writing-task-1-lessons-and-tips/

    Website หา Vocab+Synonym

    👉🏻 https://ieltsliz.com/vocabulary/

    👉🏻 https://www.wordhippo.com/what-is/another-word-for/serious.html

    5) ฝึกเขียนตาม Topic หรือ Essay Types

        📍อันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนค่ะว่าอยากฝึกเริ่มจากอะไร แต่ส่วนตัวเราชอบฝึกตามประเภทของแต่ละ Essay ก่อน พอจำ structure ได้แม่นแล้ว ก็ค่อยขยับไปฝึกเป็น Topic ไป เช่น เรื่อง education ก็ฝึกรวมเลยไม่ว่าจะเป็น opinion หรือ discussion essay แบบนี้ 

        📍แหล่งที่เราแนะนำตรวจ Essay มี Engnovate กับ Chat GPTค่ะ 

    ➤ สำหรับเว็บแรกจะจำกัดการตรวจสำหรับ free user (แนะนำให้ซื้อค่ะ คุ้มจริง ๆ) และการตรวจจะค่อนข้างกดคะแนน กับอิหยังวะในบางจุด (เช่น ตอนแรกมันให้เรา 7 แต่พอเราลอง polish หรือแก้แค่ grammar ตามที่มันบอกซัก 4 จุด มันขึ้นไป 8 เลยค่ะ งง555+) 

    ➤ ส่วน Chat GPT เราคิดว่าค่อนข้างเสถียรและตรงกว่า แต่บางทีมันจะไม่แก้เฉพาะจุดให้เราค่ะ มันเปลี่ยนให้ทั้งบทความเฉย ทางที่ดีต้องกำกับไว้ด้วยว่าให้ correct only grammar mistakes แต่ข้อดีของมันคือ สามารถช่วย generate idea ก่อนเขียนได้ดีมาก ๆ แล้วก็เวลาขอให้มัน evaluate and polish essay ให้ ก็จะได้ประโยคดี ๆ กลับมาใช้เยอะเลย ดีกว่าไป copy ประโยคของ essay samples เว็บอื่นด้วย เพราะอันนี้เขาพัฒนามาจาก orginal essay ของเราเอง 

     

    🗣️ Speaking

    สกิลนี้เป็นอะไรที่เราฝึกน้อยมากค่ะ เลยอาจจะมีแหล่งแนะนำได้ไม่เยอะและไม่ได้มี step ฝึกจริงจังเหมือน Writing ด้วย แต่ส่วนตัวเราดูตามช่องของคลิปข้างล่างนี้เป็นหลักค่ะ


    ของคุณ Simon เอาไว้เรียนไว้รู้ตั้งแต่ step แรกเลยค่ะ เขาเรียบเรียงไว้เป็นบท ๆ ตั้งแต่ Part 1 - 3 แล้วก็ให้ idea ในการพูด Topic ต่าง ๆ ด้วย เข้าใจง่าย เหมาะกับทุกเพศทุกวัยมาก


    ช่อง Fastrack IELTS ส่วนตัวเราดูไว้จำประโยคสำเร็จรูปเอาไว้พูดตอนคิดไม่ออกค่ะ เห็นว่ามีอีกหลายคลิปที่มีประโยชน์ แต่ทางนี้ดูไม่ครบ 555+ ใครมีเวลาเก็บศัพท์ไปเรื่อย ๆ นะคะ อย่าทำแบบเรา


    ช่องคุณพี่คริส เราเอาไว้ดูตัวอย่างค่ะ เท่าที่ไล่ดูมาของช่องอื่น รู้สึกว่าอันนี้เป็น simulation test ที่สบายหูสบายตาแล้วก็ natural ที่สุดแล้ว เพราะคนสอบก็ไม่ได้พูดน้ำไหลไฟดับขนาดฟังไม่ออก (มันจะมีช่องเวียดนามอันนึงพูดไวมากกก น่าจะได้ BAND 9.5 //ห้ะ) หรือว่าใช้คำอลังการในทุกคำตอบค่ะ บางข้อคำตอบก็ธรรมดาแบบที่เราก็เอาไปใช้ได้ แต่สิ่งที่จะได้เรียนรู้จากคนสอบทุกคนจะเป็น flow ในการตอบว่าแต่ละ Part เขา expect ให้เราตอบไปในทิศทางไหน ควรตอบมากน้อยแค่ไหน อะไรแบบนี้ 



    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    จบไปแล้วสำหรับ Part 2 ค่า ต้องขอเน้นย้ำอีกครั้งนะคะว่าคลิปกับเว็บไซต์ที่เราลงในนี้ เป็นเพียงแหล่งที่เราคิดว่าเวิร์คจากที่ไปดูมาหลาย ๆ เจ้า ไม่ได้จำเป็นว่าจำต้องดูแค่ของเราเท่านั้นค่ะ ดังนั้นถ้ามีเวลา สนับสนุนให้เพื่อน ๆ ลองไปค้นคว้าหาแหล่งอื่นเพิ่มเติมเผื่อเจออันที่ถูกโฉลกกับตัวเองมากกว่า เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตัวเราเองเท่านั้นค่ะที่จะรู้ว่าเราเหมาะกับอะไร 

    ยังไงก็หวังว่าจะโพสต์เป็นประโยชน์นะคะ ในส่วนต่อไปจะเป็นสรุปของเรา แหล่งฝึกทำข้อสอบ และแถมแหล่งที่เราใช้ predict คำถามค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปต่อกันเลยยย...🏃🏻‍♀️‍➡️





  • Part 3: Tips, Tricks & Predictions

    ในพาร์ทนี้จะเป็นเทคนิค และข้อควรระวังต่าง ๆ ที่เรารวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลก่อนหน้านี้ รวมถึง mistakes จากการฝึกทำข้อสอบของตัวเองในหลายช่องทางค่ะ โดยนอกจากสรุปของเราแล้ว เราจะแปะแหล่งฝึกทำข้อสอบ (ที่อาจไม่ได้ใช้ร่วมกันทุก skills) และแหล่ง forecast เพื่ออัพเดทรูปแบบข้อสอบในปี 2025 ด้วยค่ะ 

    ขอย้ำอีกครั้งว่าทั้งหมดนี้เป็นเทคนิคที่เราคิดว่าเวิร์คสำหรับตัวเองเท่านั้นนะคะ ฉะนั้นถ้าอันไหนลองจำและเอาไปใช้ในข้อสอบแล้วไม่โอเค ก็ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องท้อนะคะ อาจจะมีวิธีอื่นที่เหมาะกับเราอยู่ค่ะ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ฝึกทำข้อสอบต่อไปและค้นหาวิธีการที่เหมาะกับตัวเองให้ได้นะคะ

    อ้อ แล้วก็ในส่วนนี้เราจะแปะ Band ของเราไว้ด้วยค่ะ เผื่อประกอบการพิจารณาว่าควรจะเชื่อเรามั้ย บางพาร์ทเราแนะนำไม่ได้มาก เพราะตัวเองก็ไม่ได้ทำได้เยอะ 555+ ยังไงก็ฝากไว้พิจารณาควบคู่กันค่า 

    Overall: 7.5 [L = 7 / R = 8.5 / W = 7.5 / S = 6.5]



    🎧 Listening [ Band 7.0 ]

    มาเริ่มที่พาร์ทแรก ซึ่งเป็น Skills ที่คนส่วนใหญ่บอกว่าง่าย แต่ขอสารภาพว่าเราไม่ถนัดการฟังที่สุดค่ะ 555+ แถมวันสอบเจอข้อยากด้วย คะแนนเลยเป็นอย่างที่เห็น ส่วนตัวก็ไม่มีเทคนิคอะไรมากนอกจากเน้นทำข้อสอบเก่า แล้วจับจุดว่าเราทำผิด Question types แบบไหนบ่อย ๆ ก็จด Mistakes ออกมา แล้ววนกลับไปทำเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีความมั่นใจระดับนึงแล้ว ถึงค่อยตะลุยทำข้อสอบแบบครบทุกข้อค่ะ 

    อีกเทคนิคของเราคือ เราจะชอบจดแล้วค่อยมาเลือกคำตอบถ้าเป็น Matching ค่ะ เพราะมันมีให้เลือกเยอะ ลายตามาก ส่วน Map อันนี้จะเน้นเขียนคำตอบข้างนอกไว้เลยค่ะ ส่วนคำถามอื่นเราพอจะฟังแล้วตอบ real time ได้อยู่ค่ะ ยังไงก็ลองดูนะคะว่าตัวเองเหมาะแบบไหน

    My Notes
    ปล. อาจจะจัดวางไม่สวยเท่าไหร่เพราะเราดึงจาก Notion มาลงใน GG Docs ยังไงอย่าลืม copy template ไปแก้ของตัวเองนะคะ  

    Mock Exam
    🌟 ขอแนะนำ Engnovate ค่ะ เหมาะสำหรับคนสอบ Computer-based มากเพราะเขามี feature ใด ๆ ที่เหมือนกับทำข้อสอบจริงเลย แต่ถ้าใครไม่ได้ซื้อ สามารถไปเสิร์ชยูทูปหาเล่ม Cambridge ฝึกทำได้ค่ะ แนะนำเป็นเล่มประมาณ 17 ขึ้นไปจะใกล้เคียงกับข้อสอบจริงที่สุด
    ‼️ข้อควรระวัง‼️
    อย่าไปลองทำใน Youtube IELTS the listening test และอื่น ๆ ที่หน้าตาเป็นตัวหนังสือสีสันฉูดฉาดเขียนว่า Real Exam นะคะ อันนี้เขาจับเล็กผสมน้อย จริงบ้างไม่จริงบ้าง ไม่ยากเกินก็ง่ายเกินค่ะ ของปลอม บางคนจะแนะนำ ieltsonlinetest.com ด้วย ซึ่งอันนี้เราไม่แน่ใจว่าเอามาจากไหน แต่ส่วนตัวเราลองทำแล้ว มันไม่ค่อยตรงกับข้อสอบจริงอะค่ะ ยากเกินไป และมีเฉลยผิดเยอะด้วย ทำแล้วเสียอารมณ์ค่ะ 

    Forecast
    🌟 สำหรับพาร์ทนี้ไม่มีตัวเก็งข้อสอบนะคะ เพราะมันยากที่จะออกเหมือนเดิมเป๊ะ ๆ แต่เท่าที่ทราบมา หัวข้อ เนื้อหาในการออกก็จะซ้ำไปซ้ำมานั่นแหละค่ะ เช่น เรื่อง Wildlife protection อะไรแบบนี้ อาจจะไปดู ๆ ศัพท์เก็งไว้ได้ 
    🌟 แต่สำหรับรูปแบบ Question Types อันนี้ค่อนข้างแน่นอนแล้วค่ะ คือเดี๋ยวนี้จะไม่มีคำถามประเภท Diagram แล้ว และใน Part 1 กับ 4 จะ fix ไว้ว่าเป็น Sentence completion แบบ 100% เหมือนใน Cambridge เล่ม 18-20 ส่วน Part 2 กับ 3 อันนี้ก็จะวนอยู่ที่ Matching Two Answers / Multiple Choices / Matching Sentences ค่ะ Map คือต้องมีดวงจริง ๆ ถึงจะเจอ และ Part 3 จะยากที่สุดในทุกพาร์ทค่ะ (4 ง่ายกว่าเฉย)
    🌟  Sentence completion แทบไม่เจอแบบ No more than three words OR/AND numbers แล้วค่ะ มีแต่ ONE กับ TWO นะคะ และคำตอบจะต้อง copy และ paste ที่เขาพูดได้เลย ไม่มีต้องมาเรียบเรียง adj. N. เองค่ะ 
    🌟 สิ่งที่ต้องระวังสำหรับคนสอบ Computer-based คือ ช่วงสุดท้ายปกติตอนฝึก ในคลิปเขาจะให้อีก 10 นาที เพื่อ transfer answer แต่ในข้อสอบจริงเขาให้แค่ 2 นาทีค่ะ ฉะนั้นควรจะพิมพ์คำตอบไว้เลย แต่เวลาในการเว้นช่วงคือนานกว่าที่ฝึก ดีตรงนี้ 
    🌟ในการพิมพ์คำตอบ แนะนำใช้ CAPITAL LETTER หรือพิมพ์ใหญ่ทุกตัวค่ะ และระวังเรื่องเติม S ด้วย


    📖 Reading [ Band 8.5 ]

    พาร์ทนี้เราค่อนข้างทำได้ดี เพราะสมัยเรียนอ่าน text กับ paper เป็นภาษาอังกฤษเยอะค่ะ เลยมี speed การอ่านที่เร็วพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าได้คะแนนนี้ตั้งแต่ฝึกครั้งแรกเลยนะคะ เรา build มานานค่ะกว่าจะได้ประมาณนี้ ตอนแรกท้อมาก ได้ 6.5 อะไรแบบนี้เองค่ะ แต่พอฝึกทำไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มรู้ค่ะว่าจริง ๆ สกิลที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่การแปลออกทั้งหมด แต่คือการจำเทคนิคในคำถามแต่ละแบบได้ และ skim & scan text เก่งค่ะ ถ้าไม่ฝึกพวกนี้ก็เหมือนนั่งงมเข็มในอเวจี ทรมานลูกกะตาสุด ๆ เพราะ Reading มันยาวมากกกก สูงสุดถึง 8 พารากราฟเลย ถ้าจะมานั่งอ่านให้ครบ ไม่มีทางทำ 3 บทความใน 60 นาทีทันแน่ ๆ 

    ฉะนั้นการจับ Keyword สำคัญมากค่ะ สกิลนี้เราก็ไม่ได้มีมาแต่แรกเหมือนกัน ต้องอาศัยการฝึกทำข้อสอบไปเรื่อย ๆ และจดข้อผิดพลาดออกมาให้ชัด ๆ วิเคราะห์กับมันนานหน่อย ถึงค่อย move ไปทำต่อ อย่าเน้นปริมาณนะคะ เน้นคุณภาพค่ะ แล้วคะแนนจะดีขึ้นเอง 

    และเพื่อความไม่สับสน เราจะขอเรียกแต่ละบทความ ว่า Section นะคะ (มี 3 Sect) และข้อใหญ่ในแต่ละ section จะเรียกว่า Part (มี 2-3 part แล้วแต่ section) ส่วนข้อย่อยในแต่ละ Part ก็เรียก คำถาม ปกติค่ะ

    My Notes
    (ขออนุญาตแปะเป็นรูปเลยนะคะ เพราะตารางนี้จดไว้ใน Notion เลยไม่สามารถ copy ใส่ gg docs ได้)


    🔎 นอกจากเทคนิคที่เราจดในนี้แล้ว อีกอันที่แนะนำคือ การทำแบบ "พร้อม ๆ กัน" ทุก Part ค่ะ (คลิปเจ๊ Lilie) มันจะน่าเวียนหัวหน่อยช่วงแรก เพราะต้องมานั่งสแกนคำถามแต่ละ Part แต่มันช่วยประหยัดเวลาได้เยอะมากกกก esp. บาง Section เนี่ย เขาไม่เรียงกันบทต่อบทนะคะ เขาทับซ้อนกันนิดหน่อย 
    🔎 เทคนิคในการเลือกทำ Section ของเราคือ ง่ายสุด (sect 1) ➤ ยากสุด  ➤ ปานกลาง ในการเลือกระดับความยาก ให้ดูว่าเราใช้เวลาและพลังงานทำคำถามแบบไหนนานสุดค่ะ อย่างเรา Matching ทั้งปวงนี่ ใช้พลังสมองเยอะมาก เลยเก็บไว้ตรงกลาง ไม่งั้นถ้ามาทำหลังสุดจะเหนื่อยและทำไม่ทันค่ะ 
    🔎 เมื่อเลือก Section ได้แล้ว ก็เลือกว่าจะทำคำถาม Part ไหนก่อน ปกติเราจะทำไล่พารากราฟมาเลย แล้วเทียบคำตอบเป็นส่วน ๆ ไปค่ะ โดยส่วนใหญ่ ก็ทำจาก Part 1 เรียงลงมาเลยนั่นแหละ เพราะ reading เดี๋ยวนี้เขาเรียง Part ตามพารากราฟเลย 
         แต่ว่ากรณีที่เจอ Matching ทั้งหลาย คำตอบมันจะไม่เรียงค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ เราจะพยายามจำคำถามของทุก Part ก่อนคร่าว ๆ แล้วอ่านไล่ A-H ก่อนเพื่อ scan หาคำตอบ สมมติถ้าเรียงไปจนจบแล้ว พวกโยงแมทช์คำตอบยังไม่เจอก็ปล่อยผ่านค่ะ เน้นหาอันที่มันรู้ keyword ชัด ๆ ก่อน เช่น พวกเติมคำตอบ หรือช้อยส์ จากนั้นพอทำเสร็จแล้วถึงค่อยมานั่งหาคำตอบ matching ต่อค่ะ (ถ้านึกภาพไม่ออกขอให้ย้อนกลับไปดูเจ๊ Lilie ในบทความก่อนหน้าของเรานะคะ) 


    Mock Exam
    🌟ฝึกทำใน Engnovate เช่นเคยค่ะ เพราะมี Cambridge รวบรวมไว้ แถมยังใช้เครื่องมือ filter เฉพาะคำถามที่เราอยากลองฝึกทำได้ด้วย ไม่แนะนำอย่างอื่นนอกจากนี้เท่าไหร่ เว้นแต่จะฝึกแยกเป็นแต่ละประเภทคำถามค่ะ เพราะไม่ตรง และเดี๋ยวเสียกำลังใจด้วย
    🌟อย่างนึงที่เราจับสังเกตได้ในเล่ม Cambridge การอ่าน คือ ลักษณะคำตอบตั้งแต่เล่ม 17 จะไม่เหมือนกับเล่มเก่าเท่าไหร่ค่ะ ตั้งแต่เล่ม 16 ลงมา บทความอาจจะยากกว่าก็จริง แต่เราชอบที่เขาจะคาดหวังคำตอบตรง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะพวกเติมคำตอบ คือพวกนี้ต้องสามารถเทียบ synonym / linking work ช็อตต่อช็อตทั้งในบทความกับเติมคำตอบได้เลยค่ะ แต่พอเล่ม 17 แล้ว ทำไม่ได้หมดค่ะ เขาจะบิดนิดนึง มีคำที่เรารู้สึกว่าไม่เป๊ะกับบทความนะ แต่ถูกอยู่ ดังนั้นสำหรับเราเลย challenge กว่าตรงนี้ค่ะ  

    Forecast
    🌟เหมือนกับ Listening เลย คือหัวข้อจะวน ๆ กันแต่บทความไม่เหมือนกัน 100% ค่ะ ส่วนใหญ่เรื่องที่ออกมักจะวนอยู่กับ Science / History / Environment เทือก ๆ นี้ค่ะ (สายสังคมเป็น 0) 
    🌟ในส่วนของรูปแบบคำถาม อันที่หายไปแล้วคือ Diagram และ Short Answer (ซึ่งดีมากกก) ที่เจอแน่ ๆ คือ Multiple Choice / Matching Heading, Sentence, Feature / T/F/NG / Summary, Sentence Completion ค่ะ 
    🌟 เหมือน Listening คือ Sentence completion แทบไม่เจอแบบ No more than three words OR/AND numbers แล้ว มีแต่ ONE กับ TWO และคำตอบจะต้อง copy paste ในบทความได้เลย 
    🌟 ในการตอบแนะนำให้ copy paste แล้ววางเลย ในเคสเติมคำนะคะ จะมียกเว้นอย่างเดียว คือกรณีให้เติมคำหน้าประโยค อาจต้องใช้ CAPITAL LETTER เฉพาะตัวแรก แต่เราไม่เคยเจอในเล่ม 17 ขึ้นไปค่ะ


    🖌️ Writing [ Band 7.5 ]

    (ขอสารภาพว่าส่วนนี้เราไม่มีสรุปของ Writing Task 1 นะคะ เราเน้นดูยูทูปแล้วเขียน ๆ เอาเลย เราไม่ถนัดมาก ๆ กับตัวเลขอยู่แล้ว และตอนทำจริงก็จำได้ว่าบ้ง เพราะรีบไปทำ Task 2 กลัวเวลาหมด555+ คะแนนที่ได้มาเลยน่าจะสะท้อนตัว Essay task 2 มากกว่า😂 )


    สำหรับการเขียน อยากบอกว่าเป็นสกิลที่เราก็ไม่มั่นใจเหมือนกันค่ะ เพราะแทบไม่ได้เขียนบทความเป็นอิ๊งเลย แต่คะแนนได้มาเกินคาดมาก ๆ เลยคิดว่าแนวทางของเราน่าจะพอปรับใช้กับทุกคนได้อยู่นะ 

    ก่อนอื่นเลย เราฝึกจากการ paraphrase introduction เยอะ ๆ ค่ะ ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาเรื่องออก idea แต่มีปัญหาเวลานึกประโยค เป็นคนนึกนานมากกว่าจะได้ออกมา ซึ่งนี่ก็เป็นเพราะเราไม่มีคลังศัพท์กับประโยคที่เราคุ้นเคยเป็นภาษาอังกฤษในหัวค่ะ เลยนึกไม่ออกว่าควรจะใช้คำไหน ดังนั้น การพยายามอ่านเยอะ ๆ ลองดูตัวอย่างการ paraphrase ของชาวบ้านตามเว็บต่าง ๆ ก็ทำให้พอจะได้ pattern มาบ้าง และนึกออกว่าสมมติเจอรูปประโยคแบบนี้ควรจะเขียนเป็นอิ๊งว่าอะไรค่ะ

    พอเราเริ่มมีความมั่นใจ เขียนขึ้นต้น Essay ได้แล้ว ก็แค่ทำขั้นตอนเดิมกับ Body ค่ะ ดูตัวอย่างชาวบ้านบ้าง + ลองเขียนออกมาก่อน แล้วเอาเข้า Chat GPT ในขั้นนี้เรายังไม่จับเวลาตัวเองค่ะ แค่หวังให้เขียนออกมาได้ครบทุก structure ก็พอแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่ speed การเขียนเราเพิ่มขึ้นก็ค่อยจับเวลาได้ค่ะ

    ทั้งนี้ สำหรับลำดับการฝึก Essay ของเรา จะแบ่งตามประเภทของ Topic กับ Essay Question นะคะ เราแปะ Template เอาไว้ให้ด้านล่างนี้แล้วค่ะ และแน่นอนว่าด้วยความที่ Topic ielts มันก็เยอะมากครอบจักรวาลตั้งกะปัญหาครอบครัวยันรัฐบาล เลยยากที่จะทำได้ครบทุกข้อ เทคนิคที่อยากฝากเลยคือ ให้เลือกทำเฉพาะข้อที่คิดว่าเอาคำตอบไป adapt ได้หลายหัวข้อค่ะ 

    My Notes

    https://docs.google.com/document/d/1QBKlQF8X8qjyA2s2TBfJNV1uw8bjTxa0RcJvyLCAOhM/edit?tab=t.0

    Forecast

    🌟ปกติแล้ว หัวข้อ writing เดายากมากกก สิ่งเดียวที่รู้คือในแต่ละ topic เขาจะออกคำถามซ้ำ ๆ กันค่ะ แค่เปลี่ยนจาก opinion เป็น discussion บ้าง advantage บ้าง ดังนั้นแนะนำให้หาหัวข้อที่เพิ่งออกในปีเดียวกันมาลองทำดูค่ะ สำหรับแหล่งหาข้อสอบอัพเดทล่าสุดของเราก็มีประมาณนี้เลย 

    👉🏻 https://ieltscity.vn/de-thi-ielts-writing-2025/ 

    👉🏻  IELTS Prep Writing 2025 (app) 

    🌟แนวโน้ม Question type จะเรียงจากมากไปน้อยเป็น Opinion > Discussion > Advantage & Disadvantage > Problem-cause Solution ค่ะ ส่วนประเภท Direct question หรือ Mix นี่โอกาสเจอต่ำสุดค่ะ ต้องดวงตกจริง ๆ ถึงจะได้(?) โฮ ๆ ๆ


    🗣️ Speaking [ Band 6.5 ]

    แล้วก็มาถึงพาร์ทสุดท้าย ที่สารภาพว่าไม่มีโน้ตอีกเช่นเคย เพราะเราไม่ชอบพูดเลยค่ะ เป็นคน Introvert อยู่แล้ว และจะให้พูดกับคอมอีกก็รู้สึกแปลก ๆ เลยมาฝึกจริงจัง 2 วีคสุดท้าย 555+ (อย่าหาทำ) ก็ไม่มั่นใจค่ะว่าเทคนิคที่ทิ้งไว้จะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ยังไงก็ลองอ่านดูเผื่อเป็นประโยชน์นะคะ

    หลัก ๆ เรา follow คลิปที่แปะไว้พาร์ทก่อนค่ะ แล้วก็จำ word chunk (พวก phrase หรือคำสั้น ๆ ประโยคสวย ๆ) ห้ามจำคำตอบนะคะ มันจะทำให้เราไม่สามารถหลุดไปจากคำตอบนี้ได้เลย ทำให้ในเวลาสอบจริงเราจะพยายามนึกคำตอบนี้ให้ได้และพยายามเค้นออกมาแบบไม่เป็นธรรมชาติ ทั้งที่ในเวลาจริง คือหัวมันโล่งมากนะคะ 555555+ ดังนั้นเลยอยากให้จำเป็นคำศัพท์ phrase อะไรแบบนี้ไปมากกว่า 

    อีกวิธีของเรา คือพยายาม force ตัวเองให้คิดในหัวเป็นภาษาอังกฤษค่ะ แม้เราจะนึกไม่ออกก็พูด ๆ งูปลาไปเถอะ ขอแค่มันได้พูดอะ จะได้ลดความเขินอายและฝึกการเค้นอิ๊งออกมาด้วยค่ะ 

    แอพที่เราใช้วัดสกิลพูดหลัก ๆ เป็น Chat GPT ค่ะ พิมพ์คำถามไว้เลยแล้วเปิดไมโครโฟนอัดเสียง แล้วให้มัน evaluate ที่จริง เราซื้อ Prep ไว้ด้วยนะคะ อันนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะ แต่แทบไม่ได้ใช้เลย เพราะรู้สึกว่าต้องพอมีไอเดียแล้วถึงมาพูด เพราะมันจะสุ่ม ๆ หลายข้อที่ไม่เกี่ยวกันซะทีเดียวมารวมกันค่ะ + เวลาเราน้อยด้วย เลยมาทำ Prep ไม่ทัน ทั้งที่จริง ๆ รู้สึกมันจำลองข้อสอบได้ดีเลยนะ ดังนั้นก็อย่างที่บอกค่ะ เจียดเวลาฝึกให้พาร์ทนี้เถอะค่ะ อย่าเป็นแบบเรา 555+  

    Forecast
    🌟 ด้วยความที่ speaking เขาจะรันคำถามเป็น Quarter ค่ะ ดังนั้นพาร์ทนี้ predict ง่ายสุดแล้ว แต่จำนวนข้อมันก็มหาศาลอยู่ค่ะ ถ้าเป็นไปได้เลยสนับสนุนให้ทุกคนฮึบ แล้วฝึกแต่เนิ่น ๆ นะคะ 
    🌟 ถ้าเราจำไม่ผิด Part 1 + 2 เนี่ย จะตรงกับ forecast ของ Prep มาก ๆ ค่ะ แต่ Part 3 คือเท่าที่ดูมาจากรีวิวข้อสอบและจากที่ตัวเองสอบ คือโอกาสตรงน้อยมากค่ะ จริง ๆ เราว่า Examiner เขา follow script ตัวเองนะ แต่คือมันเดายากมาก เพราะเขาจะสุ่มถามจากที่เราพูดมาใน Part 2 เนี่ยแหละ ข้างล่างนี้เป็นแพคเกจที่เราไว้ใช้ดูคำถามนะคะ ต้องโหลดแอพ Prep มาค่ะ
    👉🏻  IELTS Speaking Forecast Quarter II/2025 > สำหรับช่วง May - August  
    👉🏻 FB: "ร่วมด้วยช่วยติว IELTS" เพจนี้รวบรวมโพสต์คน suffer IELTS มาไว้ด้วยกันค่ะ ดีใจมาก ๆ ที่เจอกลุ่มนี้ เพราะนอกจากหลายคนจะมาแชร์ข้อสอบแล้ว ก็ยังมีเทคนิค มีแนะนำคอร์สใด ๆ ไว้มากมายค่ะ ติดตามแล้วทำให้เราไม่รู้สึก suffer อยู่คนเดียว เป็นอีกหนึ่งกำลังใจของเราเลยค่ะ



    ✨ Extra: Test Day Tips 

    ก่อนจะจบกันไป ขอแถมสิ่งที่ควรรู้และทำใจเผื่อไว้ในตอนสอบสำหรับคนที่เลือกสอบ Computer นะคะ

    📍อันดับแรกเลย เวลาเริ่มทำข้อสอบของแต่ละคนจะไม่ได้พร้อมกันซะทีเดียวค่ะ ก่อนสอบเราเคยคิดว่าเขาจะ fix มาว่า 9 โมงเป๊ะ ระบบจะเปิดข้อสอบให้เลย แต่จริง ๆ แล้วก่อนได้ทำข้อสอบ เขาจะให้เราล็อคอินเข้าระบบ และฟังคลิปการใช้งานแบบ Pre-test ซักพักค่ะ พอฟังเสร็จแล้วนั่นแหละ ถึงจะให้กดเข้าตัวข้อสอบ 
    📍ตัวข้อสอบไม่ได้ต่อกันทีเดียวนะคะ จะแยกเป็น section ให้เรากดทำแยกไปค่ะ แต่ทั้งนี้ต้องทำเรียง Listening > Reading > Writing ทำข้ามไม่ได้ค่ะ เมื่อเราทำสกิลนึงเสร็จแล้วสามารถกดส่งได้เลย หรือรอจนหมดเวลาแล้วมันจะตัด save ให้อัตโนมัติค่ะ จากนั้นถึงกลับมาที่หน้าต่างรวมสกิลแล้วกดเลือกทำสกิลต่อไป
    📍หูฟัง หลายคนบอกสบายหูมาก ดี แต่สำหรับคนใส่แว่นแบบเราจะบอกว่าใส่ไปซักชั่วโมงแล้ว เจ็บกระดูกหูค่ะ 555+ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เราไม่ใส่หูฟังตลอดเวลาสอบ 
    📍แป้นพิมพ์ เป็นแบบคอมพิวเตอร์​ในออฟฟิศ แป้นใหญ่และหนา คนพิมพ์ใน Laptop มาตลอดอาจจะพิมพ์ได้ช้าลงค่ะ ยังไงก็อยากให้คำนึงถึงจุดนี้และอย่าลืม double check เวลาพิมพ์ให้มาก ๆ ค่ะ 
    📍Speaking 
    💫 พาร์ทนี้คะแนนแกว่งมากค่ะ ดังนั้นอย่า take it too seriously นะคะ เราเห็นหลายคนมาแชร์ว่าตอนพูดรู้สึกลื่นไหลมาก รู้สึกดีสุด ๆ คิิดว่าต้องได้สูงแน่นอน แต่กลายเป็นคะแนนออกมาได้ต่ำกว่าที่คาดไว้ จะบอกว่าไม่ได้ผิดที่เราซะทีเดียวนะคะ อันนี้ขึ้นกับลักษณะของ Examiner ด้วยค่ะ บางคนไม่เอาแค่ fluency เน้น vocab, grammar structure ต้องสูงสม band หรือบางคน strict เวลามากจนไม่ปล่อยให้เราอธิบายยาว ๆ ก็มีค่ะ เราเจออย่างหลัง ขัดเก่งทุกข้อเลยค่ะ 555+ ช็อตทุกภาคส่วนมาก ยังไม่ทัน develop answer เท่าไหร่ก็ข้ามไปข้อถัดไปละ ทั้งที่ออกมาเวลาเหลือถมเถ่ ถถถ เพราะฉะนั้นที่จะสื่อคือพาร์ทนี้มันเหวี่ยงค่ะ ถ้าเป็นไปได้ตั้งความหวังไว้พอดี ๆ อย่ามากไปเพราะบางทีมันอาจทำให้เสียใจทีหลังได้ ทั้งที่เราทำดีแล้วนะคะ

    💫 แต่ถึงพูดแบบนั้น ก็ยังคิดว่าทุกคนควรจะเน้น fluency และ confidence ไว้ตอนพูดค่ะ เราเลือกไม่ได้ว่า Examiner เป็นใครก็จริง แต่เราควบคุมตัวเองให้ calm and composed ได้ เน้นตอบให้ตรงประเด็นก่อนเลย (เผื่อเจอคนชอบช็อตแบบเรา) แล้วปล่อยให้อะไรที่เข้ามาในหัวมันไหลไปค่ะ overexplaining everything เอาไว้ ตามคติ "อย่าหยุดพูด ใครหยุดก่อนคนนั้นแพ้" (เราพกคำนี้เข้าห้องสอบไปแล้วได้ผล พูดไม่หยุดเลย55555+) 

    💫 Speaking = Acting เพราะการพูดคือการละคร ไม่จำเป็นต้องตอบตามจริงค่ะ เน้นหยิบ vocab สวยและเรานึกออกในตอนนั้นพอ เวลาคิดจริง ๆ มันน้อยมากต่อข้อ ไม่เกิน 3 วิเลยค่ะ และเอาเข้าจริง Part 1 อย่าตอบยาวนะคะ หลายคลิปตัวอย่างใน YT ยาวมาก และ Examiner calm มาก คือเราไม่รู้ว่า case แบบนี้มีเยอะแค่ไหน แต่ถ้าเป็นไปได้พยายาม concise ไว้ก่อนดีกว่าค่ะ จะได้มีเวลาเผื่อไว้ตอบ Part 3 เยอะ ๆ เพราะน้ำหนักคะแนนมันอยู่พาร์ทหลังหมดค่ะ 

    💫 ว่าด้วยเวลา พยายามเลือกสอบเป็นคิวแรก ๆ นะคะ ภายใน 1 ชั่วโมงแรกจะดีมาก ถ้าเกินกว่านี้ มีโอกาสที่ Examiner เขาจะรมบ่จอยแล้ว เพราะต้องมานั่งฟังคนพูดเป็นสิบ ๆ ค่ะ และถ้ามีเวลาเว้นตอนเที่ยง แนะนำให้หาอะไรทานเบา ๆ พออิ่มท้องแต่ไม่มากนะคะ ไม่งั้นมีจุกอกจุกคอตอนสอบได้😂


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    The END 

    ก็จบลงไปแล้วนะคะกับ Vlog "IELTS The Survival Guide: คัมภีร์ไอเอลฉบับคนขี้เหนียว" นี่เป็น Vlog แรกของเรา รวมถึงเป็นครั้งแรกในการลองสอบ IELTS ของเราด้วย ถ้ามีข้อมูลส่วนไหนที่ผิดพลาดไป ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ยังไงเพื่อน ๆ สามารถแย้งหรือชี้แนะได้เต็มที่เลยค่ะ 

    ขอย้ำอีกครั้งว่าเอกสาร เว็บไซต์ และแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่เราได้รวบรวมไว้ ณ ที่นี้ มาจากประสบการณ์ ความชอบของเราเองล้วน ๆ หากเพื่อน ๆ ลองอ่านและนำไปปรับใช้ตามแล้วรู้สึกไม่เวิร์ค ก็ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่ได้แปลว่าเราไม่เก่ง แต่แปลว่าเรามีความถนัดที่ต่างกันไปเท่านั้นเองค่ะ จุดประสงค์หลักที่เราเขียน Vlog นี้ขึ้นมาก็คืออยากจะแบ่งปันมุมมองความรู้ที่เราสั่งสมมาและแบ่งเบาภาระของเพื่อนร่วมเดินทางทุกท่าน ไม่ใช่เพื่อมา discredit ช่องทางใดช่องทางหนึ่งหรือวิธีการของใครทั้งนั้นนะคะ

    สุดท้ายนี้ เราหวังว่า Vlog นี้จะเป็นเหมือนดอกไม้ริมทางที่ช่วยให้คนที่พบผ่านได้เบาใจลง หรือเป็นเสมือนบันไดขั้นหนึ่งที่ทำให้ทุกคนได้ปีนขึ้นไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นนะคะ ขอให้คนที่เข้ามาอ่านทุกคนโชคดีในการสอบ IELTS และได้คะแนนตามที่คาดหวังไว้ค่ะ วันไหนที่ท้อก็ขอให้รับรู้ไว้ว่าคุณไม่ได้เหนื่อยอยู่คนเดียวค่ะ ท้ายที่สุดแล้ว ความพยายามนี้จะต้องให้อะไรเรากลับมาอย่างแน่นอน 

    ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ แล้วพบกันใหม่ ใน Vlog ถัดไปค่ะ 👋🏻



    Best of Luck to everyone 

    LadyMinjee











Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
kimprc939 (@kimprc939)
LadyMinjee รีวิวดีมากเลยครับ ข้อมูลอัดแน่นมาก ใกล้จะสอบแล้วมาเจอบทความนี้คือรอดตายเลย 😍
Pannarath Suknim (@fb2627822234225)
ดีมากเลยค่ะเลดีมินจี้ รีวิวละเอียดมากกกกก คือ เริ่ดเลยล่ะ อ่านแล้วมีไฟอยากจะเตรียมสอบบ้างเลย