
ทำไมต้องทากันแดดในทุก ๆ วัน
ทำไมต้องทากันแดด ? คือคำถามที่ผู้คนมากมายมักสงสัย โดยเฉพาะผู้ที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือใช้ชีวิตประจำวันท่ามกลางแสงแดดแรง ๆ หากมองผิวเผินอาจคิดว่าครีมกันแดดเป็นแค่เครื่องสำอางเสริมความมั่นใจ แต่ในความเป็นจริงนั้นครีมกันแดดเกี่ยวข้องกับสุขภาพผิวในระยะยาว ด้วยเหตุนี้เอง การเรียนรู้ว่าทำไมต้องทากันแดดจึงเป็นก้าวแรกสู่การมีผิวสุขภาพดีและดูอ่อนเยาว์ค่ะ
ทำความเข้าใจกับ UV: ทำไมต้องทากันแดดทุกวัน ?
หนึ่งในเหตุผลหลักของคำถาม ทำไมต้องทากันแดด ? คือการป้องกันรังสี UV จากดวงอาทิตย์ ซึ่งแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่

- รังสี UVA สามารถทะลุเข้าสู่ชั้นผิวหนังลึก ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ความเหี่ยวย่น และจุดด่างดำได้ในระยะยาว
- รังสี UVB ทำให้ผิวไหม้แดง เกิดอาการแสบไหม้ และเป็นต้นเหตุของการเปลี่ยนสีผิวได้ชัดเจน
รังสีทั้งสองชนิดมีโอกาสทำให้เกิดปัญหาผิวพรรณร้ายแรงได้ อย่างเช่น ความหมองคล้ำ ฝ้า กระ ไปจนถึงความเสี่ยงที่อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งผิวหนัง การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA จึงช่วยปกป้องผิวทั้งจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างครอบคลุม
นั่นจึงเป็นคำตอบที่ดีว่า ทำไมต้องทากันแดดทุกวัน แม้ในวันที่ไม่ค่อยมีแดด เพราะรังสี UV ยังคงมีอยู่และสามารถกระทบผิวเราได้เสมอค่ะ
ประเภทของครีมกันแดด: เลือกอย่างไรให้เหมาะกับผิว ?
เมื่อได้คำตอบเบื้องต้นว่าทำไมต้องทากันแดดทุกวันแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือทำความรู้จักกับประเภทของครีมกันแดด เพื่อจะได้เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวของคุณมากที่สุด โดยหลัก ๆ สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
Physical Sunscreen
- มีส่วนผสมของแร่ธาตุอย่าง Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide
- ทำงานโดยสร้างเกราะสะท้อนแสงออกจากผิว ไม่ให้แสงแดดทะลุถึงชั้นผิว
- อ่อนโยน เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
- แต่บางสูตรอาจทิ้งคราบขาวบนผิว และมีเนื้อค่อนข้างหนา
Chemical Sunscreen
- มีสารดูดซับรังสี UV เช่น Avobenzone, Oxybenzone เพื่อเปลี่ยนรังสีให้เป็นความร้อนแล้วปล่อยออกจากผิว
- เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย
- เหมาะกับผู้ที่ทำกิจกรรมหนักหรือกลางแจ้ง เพราะไม่ทิ้งคราบขาว
- บางสูตรอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ หากผิวแพ้ง่าย
Hybrid Sunscreen
- ผสานข้อดีของครีมกันแดดแบบ Physical และ Chemical เข้าไว้ด้วยกัน
- สามารถสะท้อนและดูดซับรังสี UV ได้
- อ่อนโยน เกิดการระคายเคืองต่ำ เหมาะกับทุกสภาพผิว
- เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวและ ไม่ทิ้งคราบขาว
- ใช้ร่วมกับเมคอัพหรือสกินแคร์อื่นได้สบาย
การเลือกใช้ครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวจึงสำคัญมาก เพราะความแตกต่างของสูตรกันแดดในแต่ละประเภทก็จะตอบโจทย์ความต้องการไม่เหมือนกัน สิ่งสำคัญคือต้องลองสังเกตผิวตนเองและทดลองใช้หลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ เพื่อหาตัวที่ใช่และเหมาะสมกับกิจวัตรประจำวันค่ะ
วิธีใช้ครีมกันแดดอย่างถูกต้อง
ไม่ใช่แค่รู้ว่าทำไมต้องทากันแดดเท่านั้น แต่การใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธี ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ต่อไปนี้คือเทคนิคที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ให้เต็มที่
- ทาก่อนออกแดดประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้สารกันแดดซึมเข้าสู่ผิวและเริ่มทำงานอย่างเต็มที่
- ปริมาณที่เพียงพอ
- สำหรับผิวหน้า : ใช้ประมาณ 2 ข้อนิ้ว หรือปริมาณที่ครอบคลุมทั่วใบหน้าและลำคอ
- สำหรับผิวกาย : ใช้ประมาณ 4-8 ข้อนิ้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ร่างกาย
- ทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่อทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่ายน้ำ แม้จะเป็นครีมกันน้ำ (Water Resistant) ก็ยังจำเป็นต้องทาซ้ำอยู่ดี
- เลือกค่า SPF และ PA ที่เหมาะสม
- SPF ควรอยู่ที่ 30 ขึ้นไป
- ค่า PA ควรเป็น PA+++ หรือ PA++++ เพื่อการป้องกันรังสี UVA
เมื่อทำตามขั้นตอนทั้งหมดนี้ พร้อมทั้งเข้าใจว่าทำไมต้องทากันแดด คุณจะมั่นใจได้ว่าผิวของคุณได้รับการปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาผิวทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้ค่ะ
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการปกป้องผิวจากแสงแดด
ทากันแดดอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังต้องดูแลผิวด้านอื่นด้วยหรือไม่ คำตอบคือ ใช่ เพราะหากคุณต้องการผิวสุขภาพดีครบวงจร การดูแลแบบองค์รวมจะเสริมเกราะป้องกันให้ผิวของคุณแข็งแรงขึ้น
- การสวมเสื้อผ้าที่ป้องกันรังสี UV
- เลือกผ้าทอแน่นหรือผ้าที่มีเทคโนโลยี UV Protection
- สวมหมวกปีกกว้างและแว่นกันแดดเพื่อลดการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
- หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดช่วง 10.00–16.00 น.
- หากเลี่ยงไม่ได้ ควรหาที่ร่มหรือกางร่มเพื่อป้องกันรังสี UV ในระดับหนึ่ง
- พยายามพักในที่ร่มเมื่อทำกิจกรรมกลางแจ้งนาน ๆ
- บำรุงผิวหลังกลับจากแดด
- ล้างหน้าและอาบน้ำทันที เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและคราบครีมกันแดด
- บำรุงด้วยโลชั่นหรือครีมที่ให้ความชุ่มชื้น เพื่อฟื้นฟูผิวที่อาจสูญเสียความชุ่มชื้นจากความร้อน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- เพื่อรักษาระดับความชุ่มชื้นในร่างกายและผิว
- ช่วยให้ผิวไม่แห้งแตก และดูสดใสมากขึ้น
- ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
- เช่น ผักผลไม้หลากสี ถั่ว ธัญพืช ฯลฯ
- ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและลดการอักเสบภายในผิว
เคล็ดลับเหล่านี้จะยิ่งตอกย้ำให้เห็นภาพชัดเจนว่าทำไมต้องทากันแดด เพราะไม่ใช่แค่เรื่องป้องกันแสงแดดเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญเพื่อการดูแลผิวพรรณให้แข็งแรงและดูดีได้ในระยะยาวค่ะ
สัญญาณเตือนและผลลัพธ์หากไม่ทากันแดดเป็นประจำ
ใครที่ยังสงสัยหรืออาจมองข้ามเรื่องการทาครีมกันแดดเป็นประจำ ลองสังเกตสัญญาณต่อไปนี้ ถ้าเริ่มเกิดขึ้นกับผิวแล้ว อาจถึงเวลารีบถามตัวเองอีกครั้งว่าทำไมต้องทากันแดด และจะเริ่มเมื่อไรดี

- ผิวหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ
- มาจากการทำลายเม็ดสีผิวเมลานินโดยรังสี UV
- ส่งผลให้ผิวแลดูอ่อนล้า และขาดความกระจ่างใส
- ริ้วรอยก่อนวัยและจุดด่างดำ
- แม้จะยังอายุไม่มาก แต่ผิวกลับดูแก่กว่าวัย
- จุดด่างดำ ฝ้า กระ เริ่มขึ้นชัดเจนโดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก และจมูก
- ผิวไหม้ แสบแดง
- เกิดจากรังสี UVB ที่ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นอย่างรุนแรง
- บางคนอาจเกิดอาการผื่นหรือคันร่วมด้วย
- โอกาสเกิดมะเร็งผิวหนัง
- แม้จะเป็นกรณีที่พบไม่บ่อย แต่การขาดการปกป้องผิวเป็นประจำมีส่วนเพิ่มความเสี่ยง
- หากสังเกตเห็นไฝหรือปานที่เปลี่ยนแปลงไป ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
- ยากต่อการฟื้นฟูผิวในระยะยาว
- เมื่อผิวถูกทำร้ายจนชั้นโครงสร้างเสียหาย กระบวนการฟื้นฟูผิวอาจช้าลง
- ต้องใช้เวลาและต้นทุนสูงในการดูแลรักษาผิว
ทั้งหมดนี้คือผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่เห็นความสำคัญของ “ทำไมต้องทากันแดด” ดังนั้น หากใครต้องการให้ผิวสวย ดูสุขภาพดีในระยะยาว การทาครีมกันแดดก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและไม่ควรละเลยค่ะ
สรุป ทำไมต้องทากันแดดเพื่ออนาคตผิวที่แข็งแรง
ท้ายที่สุดแล้ว คำตอบของคำถาม ทำไมต้องทากันแดด ? อาจไม่ได้มีเพียงเหตุผลเดียว แต่ครอบคลุมทุกด้านของสุขภาพผิว ทั้งป้องกันปัญหาผิวที่มองเห็นได้ชัดเจนอย่างริ้วรอยก่อนวัยหรือผิวหมองคล้ำ รวมถึงลดโอกาสเกิดโรคผิวหนังในระยะยาว การทาครีมกันแดดเป็นประจำจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการดูแลตนเองขั้นพื้นฐานที่หลายคนมองข้ามค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in