เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ปลิว #ทอยอะตอมDarkbluekiss
01:00

  • เสียงดีดกีต้าร์เบาๆในห้องชมรมเงียบๆที่มีแค่ตัวผมกับเสียงความคิดในหัว สมุดโน๊ตเล็กๆที่เขียนเนื้อเพลงเพียงไม่กี่ท่อนเพราะผมเองก็ยังไม่รู้จะแต่งมันต่อยังไงให้ดี รอยขีดๆไปมาทำให้รู้ว่าผมเขียนๆลบๆมันไปหลายรอบมาก เพลงนี้เป็นเพลงที่ทางมหาลัยจะเอามาเล่นในวัน Open House ในส่วนของคณะผมจึงวารให้ชมรมผมเป็นคนเขียนเนื้อขึ้นมาใหม่หมดเลย




    'กูฝากมึงหน่อยน้า นะทอยนะ กูไหว้ล่ะ'




    เหตุเพราะรุ่นพี่ในชมรมผมมีทำรายงานส่งอาจารย์จึงฝากให้ผมจัดการงานนี้ มันก็ดูน่าดีใจอยู่หรอกที่ไว้ใจให้ผมจัดการงานใหญ่ๆแบบนี้ แต่ผมแค่... แค่ไม่รู้จะเขียนอะไรให้นักร้องที่ต้องมาร้องเพลงนี้




    'atomoatom just shared a post'



    ทันทีที่หน้าจอโทรศัพท์ปรากฏการแจ้งเตือนของแอพยอดนิยมนั่นขึ้นมา ผมรีบสไลด์เข้าไปดูสิ่งที่เจ้าของแอคเค้าท์พึ่งจะโพสเมื่อกี๊ ภาพของเจ้าตัวที่กำลังนั่งเล่นกีต้าร์ตัวโปรดโดยมีรอยยิ้มที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องเผลอยิ้มตาม เหมือนกับผมในตอนนี้ที่กำลังนั่งมองรูปนั้นอยู่




    'ไลค์ที่3'



    นั่นสถิติใหม่ของผมเลยแหละครับ เพราะก่อนหน้านี้ไอ้ผมคนกากคนนี้ไม่เคยจะกดไลค์รูปในไอจีพี่เขาทันแฟนคลับของพี่เขาหรอกครับ นั่นพี่อะตอมครับ พี่เขาเป็นนักดนตรี นักแต่งเพลง แล้วก็เป็นรุ่นพี่ปี4ของคณะผมด้วย ที่สำคัญที่สุดเขาเป็นคนที่ผมจะแต่งเพลงให้เขาร้องในวัน Open House ที่กำลังจะถึงนี้ด้วยแหละครับ





    ถึงเขาจะเป็นนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงอยู่พอตัวเลยแหละ แต่ทางอาจารย์ที่คณะก็อยากลองให้โอกาสคนในคณะเราบ้าง และนั่นทำให้ผมต้องวางโทรศัพท์มือถือลงและหยิบปากกากับสมุดเล่มเดิมนั้นออกมาเขียนเพลงต่อ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแต่งเพลงแบบไหนหรือแนวไหนให้พี่อะตอมร้อง เพราะผมก็ไม่รู้ว่าเพลงแบบไหนจะถูกใจเขาหรือคนที่มางาน




    ผมหันกลับมามองที่สมุดเล่มเดิมที่มีเนื้อเพลงที่ถูกขีดๆทิ้งไปอยู่ ผมเลยดึงแผ่นนั้นทิ้งไปและเปิดหน้าใหม่ที่ว่างเปล่า ความรู้สึกของเพลงแบบไหนนะที่จะเข้าถึงคนได้ง่ายๆ เพลงรัก เพลงอกหัก หรือแอบชอบ?





    'ได้เพียงแต่ยืนอยู่ไกลๆ

    ได้เพียงแต่มองจากในเงา

    เฝ้าดูเรื่องราวผู้คนล้อมรอบตัวเธอ'





    หลายๆคนเคยบอกผมว่าการแต่งเพลงที่มาจากความรู้สึกตัวเองมันจะทำให้เพลงของเราเข้าถึงคนมากขึ้น นี่ก็คงเป็นความรู้สึกของผมตอนนี้แหละมั้งครับ ในขณะที่ผมกำลังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่เหมือนจะเจอพี่เขาได้บ่อยๆแต่พี่เขากลับไม่คุ้นหน้าผมเลย อย่าว่าแต่คุ้นเลยครับ แค่จะมองยังมองผ่านไปเลย จริงๆก็ไม่ใช่แค่พี่อะตอมหรอกครับที่เมินผม เพราะผมก็โดนเมินเป็นปกติอยู่แล้ว




    16:35


    ปกติเวลานี้จะเป็นเวลากลับบ้านของผมแหละครับ เพราะผมเป็นคนที่ไม่ค่อยออกไปไหนกับใครเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ชอบนั่งเล่นกีต้าร์คนเดียวเงียบๆ จริงๆปกติตอนนี้มันก็เงียบแหละครับแต่วันศุกร์หน้าก็กำลังจะเป็นวัน Open House อย่างที่ผมบอกแต่ละคณะก็มีซ้อมของคณะตัวเองทั้งนั้นแต่คณะผมดูเหมือนจะยังไม่ได้เริ่มอะไรเลย ผมเดินเข้าไปใกล้ๆหน้าต่างมากขึ้นเพื่อให้เห็นคนที่นั่งเล่นกีต้าร์อยู่ตรงเวที





    นี่ขนาดมองจากชั้น2ยังเห็นรอยยิ้มนั่นชัดขนาดนี้ แก้มยุ้ยๆที่เวลายิ้มทีนี่น่าดึงแก้มมากๆ แถมเวลาที่หัวเราะหรือร้องเพลงก็ยิ่งมีเสน่ห์มากๆเลยด้วย ผมเห็นพี่เขาที่ดูมีความสุขกับการคุยกับเพื่อนเขาและพวกรุ่นน้องที่เข้าไปหาทั้งผู้หญิงแล้วก็ผู้ชาย ผมแอบเปิดประตูหน้าต่างออกเพื่อจะแอบฟังว่าเขาพูดอะไร เอ่อผมไม่ได้ยุ่งแต่แค่อยากรู้ความเป็นไปเอง




    "โหพี่ นี่ผมเป็นผู้ชายยังระทวยเลย"


    "เว่อร์ๆ555"




    ไม่ผิดจากคนที่เอ่ยชมพี่เขาหรอกครับ เพราะผมเองก็เข่าแทบอ่อนตอนเห็นพี่เขาร้องเพลงเสียงหวานๆนั่นแล้ว ยิ่งมองก็ยิ่งยิ้มตาม ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆเหมือนความหวังของผมก็หายไปเหมือนลูกโป่งโดนปล่อยลมตอนที่เห็นพี่เจษเพื่อนพี่ตอมที่พวกเขาสนิทกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คงเพราะอยู่โรงเรียนมัธยมที่เดียวกันด้วย





    แต่ในมหาลัยใครๆเขาก็รู้ว่าพี่เจษชอบพี่ตอม ส่วนพี่ผู้หญิงสวยๆคนนั้นก็พี่มิ้นครับ ตั้งแต่ผมปีหนึ่งมาผมก็เห็นสามคนนั้นเป็นเพื่อนกันไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆอยู่แล้ว เอ่อ นั่นก็ความคิดพี่ตอมแหละครับ แต่ที่คนรอบข้างเห็นก็เห็นว่าทั้งพี่มิ้นพี่เจษก็ชอบพี่เขาทั้งคู่ พี่ตอมนี่ไม่เคยรู้หรอกครีบว่ามีใครชอบบ้าง ขนาดคนใกล้ตัวแบบนั้นพี่เขายังไม่รู้เลย นับประสาอะไรกับคนไกลอย่างผม





    "มึง เย็นนี้ไปกินชาบูกัน กูเลี้ยง"




    ผมเห็นพี่มิ้นเดินไปหาพี่ตอมตอนที่พี่เขาสะพายกีต้าร์เตรียมจะกลับ เหมือนว่าพี่เขาจะชวนพี่ตอมไปกินชาบูด้วย แต่ยังไม่ทันจะได้ไปไหนพี่เจษก็เดินมาอีกข้างนึงจับไหล่พี่ตอมไว้ แม่งเอ๊ย ศึกระหว่างเดือนมหาลัยกับดาวมหาลัยชัดๆ มองจากตรงนี้ยังเห็นรังศีที่แผ่ใส่กัน



    "โห่มึงงง ชาบูได้ไงเดี๋ยวกูพาไปเลี้ยงที่โรงแรมบ้านกูกัน"


    "ชิ อวดรวย"




    เออใช่ พี่มิ้นพูดถูก ให้10เต็มเลย แต่ดูจากสภาพแล้วดูเหมือนว่าพี่ตอมที่อยู่ตรงกลางจะดูตัวเล็กลงไปเลยจากที่ตัวเล็กๆอยู่แล้ว และก็เหมือนที่คนในมหาลัยเห็นกันว่าสงครามแบบนี้มีออกจะบ่อย สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ก็จะเหมือนทุกๆครั้ง



    "มึงๆ เดี๋ยวไปกินก๊วยเตี๋ยวน้ำตกตรงนี้ก็ได้ นะๆกูอยากกินอ่ะ"



    ครับ ต้องให้พี่ตอมเป็นคนห้ามศึกแล้วดึงให้ทั้งสองคนยอมๆกันไปได้ แต่ยังไม่ทันไรผมก็เห็นพี่มิ้นออกตัวเอากีต้าร์พี่ตอมมาถือให้แทน



    "เราเองก็ได้นะ มันหนักอยู่เหมือนกันอ่ะ"


    "เอ๊ย สบาย"



    ก็แมนอยู่หรอกนะครับผู้หญิงที่ช่วยผู้ชายถือของอ่ะนะแต่ดูเหมือนว่ากระเป๋าสะพายแชแนลของพี่แกจะดูเกะกะไปหน่อยพี่ตอมเลยขอร้องให้พี่เจษที่ขำกับท่าทางเงอะๆงะๆของพี่มิ้นไปช่วยถือแทน สรุปไม่มีใครแพ้ใครชนะเลย ฝั่งดาวมหาลัยก็แบกกีต้าร์ฝั่งเดือนมหาลัยก็สะพายแชแนล เออ เอาเข้าไป



    เดี๋ยว นั่นพี่เขาจะไปแล้วนี่ ผมรีบวิ่งไปหยิบของทุกอย่างใส่ในกระเป๋า สะพายกีต้าร์ของตัวเองแล้ววิ่งไปที่บันไดทางหนีไฟเพราะถ้าให้รอลิฟท์ไม่ทันแน่ๆ ร้านก๊วยเตี๋ยวน้ำตกตรงนั้นผมก็เคยไปอยู่บ้าง ดูจากพวกกี่เขาน่าจะไปทางประตูหน้ามอ เพราะรถไม่เยอะแต่ก็เดินไกลกว่า ผมเลยวิ่งไปทางข้างหลังแทนถึงจะหลบรถหน่อยก็ดีกว่าดูเป็นโรคจิตแอบตามพี่เขาแหละ



    "แฮ่กๆ เฮียครับเอาเส้นเล็กหมูน้ำตกพิเศษไม่ผักครับ"


    "อ้าวไอ้หนุ่ม วันนี้วิ่งมาซะหอบเลย กลัวอดกินหรอ"


    "แหะๆ"




    ผมนั่งลงตรงโต๊ะในร้านและเป็นอย่างที่ผมคาดไว้เลย ไม่นานมากนักกลุ่มพวกพี่เขาก็มาถึงพอดี เห็นแล้วก็สงสารทั้งพี่มิ้นพี่เจษนะครับ แต่ก็อ่ะนะ อยากไปออกตัวช่วยพี่ตอมเองนี่



    "เฮียเอาเล็กน้ำตกหมูพิเศษสามฮะ"



    จริงๆผมมานั่งที่นี่ทีไรก็จะเจอพี่ตอมมานั่งกินตลอดแหละครับ แรกๆผมก็สั่งเหมือนที่ตัวเองสั่งปกติแต่หลังๆมาตั้งแต่วันนั้นที่นั่งมองหน้าพี่เขาตอนสั่งจนเผลอสั่งตามก็กินแบบเดิมมาตลอด แต่ขอไม่ผักเถอะ เพราะครั้งนั้นผมจำได้ว่านั่งเขี่ยตั้งนาน



    "เออตอม มิ้นเห็นว่าคณะตอมมีเล่นเปิดวันOpen Houseนี่ เป็นไงบ้างอ่ะ"



    "ก็ดีนะ เห็นว่าเขาให้รุ่นน้องในคณะเราแต่งเพลงใหม่ไว้เล่นวันนั้นเลยอ่ะ"



    ผมแทบสำลักตอนที่พวกพี่เขาคุยกันเรื่องงานที่คณะผมรวมถึงงานที่ผมต้องทำแต่พึ่งเขียนได้ไม่กี่ประโยค ใจนึงก็รู้สึกผิดนิดๆที่ไอ้คนที่ต้องแต่งเพลงให้พี่เขามานั่งเป็นโรคจิตยิ้มคนเดียวตอนเห็นคนที่ตัวเองชอบเคี้ยวลูกชิ้นแก้มป่องอยู่ แต่อีกใจก็โครตดีใจที่อย่างน้อยพี่เขาก็รู้ว่ามีรุ่นน้องในคณะคนนึงกำลังแต่งเพลงให้เขา



    "หนุ่ม! เหม่ออะไรคนเดียวหื้ม"



    อ้าว ผมเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในหัวเพลินๆแต่อันที่จริงก็มองหน้าพี่เขานั่นแหละครับจนพี่เขาเดินออกจากร้านไปแล้ว ผมแอบเขินอาแปะขายก๊วยเตี๋ยวหน่อยๆแหละครับที่ตัวเองมาเอ๋อใส่แบบนี้



    22:31


    ผมยังนั่งคิดไม่ออกกับเพลงที่ต้องแต่งอยู่เลยครับหลังจากที่นั่งคิดอะไรไปเรื่อยก็ยังคิดไม่ออกซักที พอมาคิดถึงเรื่องเพลงก็พาให้ผมนึกถึงหน้าของคนที่จะมาร้องเพลงที่ผมแต่ง ผมพอจะหาทำนองได้บ้างแล้วแหละครับแต่ยังนึกเนื้อที่จะใส่ไม่ออก




    'ไม่เคยมีฉันอยู่ในนั้น

    และคงไม่มีวันนั้นเลย

    ฉันทำได้เพียงให้ความฝัน

    ปลอบใจในค่ำคืน'



    นั่นแหละครับความรู้สึกของคนที่แอบชอบคนนึง คงทำอะไรไม่ได้มากเพราะรู้ว่าเขาคงไม่สนใจ รอยยิ้มและท่าทางตอนเขามีความสุขมันโครตน่ารักเลย น่ารักจนอยากจะเก็บไว้คนเดียว แต่แค่จะพูดว่าชอบยังไม่กล้าเลย เหมือนมันมีหลายๆอย่างในหัวแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อนดี คำพวกนั้นมันก็คง...ปลิวไปตามลม ใช่แล้วชื่อเพลง



    'ปลิว'


    นี่แหละครับ เพลงที่ผมจะแต่งให้คนๆนี้ร้อง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in